การเข้ามาของระบบการสื่อสารและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ทำให้การซื้อ-ขายสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกมากขึ้นต่อผู้ขายและลูกค้า แต่ช่องทางออนไลน์อาจไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ทั้งหมด โดยเฉพาะธุรกิจขายส่ง (หรือธุรกิจค้าส่ง) เพราะก่อนที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าราคาส่งจำนวนมาก ก็ต้องการที่จะดูสินค้าจริงที่หน้าร้านออฟไลน์หรือพูดคุยกับผู้ค้าส่งแบบตัวต่อตัวก่อน เพื่อที่จะแน่ใจได้ว่าจะได้สินค้าที่มีคุณภาพจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ
ดังนั้นการรวมทั้งสองช่องทางมาไว้ด้วยกัน หรือการทำธุรกิจขายส่งแบบ “Omni Channel” จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า
การขายส่งแบบ Omni Channel คืออะไร?
การทำธุรกิจขายส่งในรูปแบบ Omni Channel คือการรวบรวมช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ค้าส่งและลูกค้าเข้ามาไว้ด้วยกัน เช่น การผสานหน้าร้านค้า (Offline) เข้ากับแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online) ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้จากหลายช่องทางที่สะดวก มอบประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ (Seamless 020) และสร้างความประทับใจได้มากกว่า
นอกจากประสบการณ์ที่มอบให้ลูกค้าแล้ว กลยุทธ์ Omni Channel ยังมีประโยชน์ต่อธุรกิจขายส่งอีกหลายประการเลยทีเดียว
ข้อดีของกลยุทธ์ Omni Channel
- สามารถขยายฐานลูกค้าได้กว้างกว่าเดิม
การมีช่องทางที่หลากหลายนั้นหมายความว่าธุรกิจสามารถเพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์และการขาย เพื่อดึงดูดลูกค้า ,กระจายข่าวสารข้อมูลสินค้า และเปิดโอกาสทางการขาย สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั้งในพื้นที่ (Domestic) และลูกค้าออนไลน์ที่มาจากต่างแดน (International) ซึ่งเป็นการสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ ให้กับธุรกิจได้นั่นเอง
- รองรับความต้องการที่หลากหลาย
ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มนั้นต่างกับ บางคนอาจชื่นชอบที่จะไปเห็นสินค้าจริงๆ ที่ร้านขายส่งด้วยตัวเอง ส่วนบางกลุ่มก็เน้นความสะดวกสบาย จึงเลือกที่จะสั่งสินค้าผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มซื้อ-ขายมากกว่า ดังนั้นธุรกิจที่มีกลยุทธ์ Omni Channel จะสามารถตอบสนองต่อลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์รอบด้าน และสร้างยอดขายได้มากกว่าธุรกิจที่มีเพียงช่องทางเดียว
- ดำเนินการค้าขายได้สะดวกรวดเร็ว
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Omni Channel สามารถมอบประสบการณ์แบบไร้รอยต่อแก่ลูกค้า จึงทำให้การซื้อ-ขายเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อลูกค้าที่มาดูสินค้าหน้าร้านแล้วต้องการสั่งซื้อจำนวนมากๆ ก็สามารถที่จะใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อวางออเดอร์เข้าสู่ระบบของร้านค้า ผู้ค้าส่งก็จะสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องมาจดออเดอร์ด้วยมืออีกต่อไป หรือหากลูกค้าที่สั่งซื้อออนไลน์แต่ต้องการมารับที่หน้าร้านเองก็สามารถทำได้เช่นกัน
ในส่วนของลูกค้า ก็จะได้รับความสะดวกสบาย สามารถเลือกช่องทางติดต่อที่ตนเองสะดวก หากลังเลก็สามารถหาข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบราคาได้ง่าย ช่วยประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ดีครับ
ท้ายที่สุดด้วยข้อดีทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ผู้ค้าส่งจะสามารถพัฒนาธุรกิจหรือต่อยอดอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูงในยุคดิจิทัลนี้ ซึ่งการจะทำ Omni Channel ได้ดี ก็ต้องมีแพลตฟอร์มค้าส่งที่สนับสนุนในด้านนี้อย่าง PhenixBox
PhenixBox แพลตฟอร์มค้าส่ง B2B/B2B2C แห่งแรกในไทย
PhenixBox (ฟินิกซ์บอกซ์) คือเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นค้าส่ง B2B/B2B2C ในรูปแบบ Omni Channel แห่งแรกในประเทศไทย ที่เชื่อมช่องทางหน้าร้านและออนไลน์เข้าด้วยกัน (Seamless O2O) เพื่อสนับสนุนธุรกิจค้าส่งและ ศูนย์ค้าส่ง AEC TRADE CENTER ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนมีช่องทางการขายออนไลน์ในรูปแบบค้าส่ง เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลายล้านคน โดยไม่มีข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ สะดวก ปลอดภัยกว่า และซื้อ-ขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้ค้าและลูกค้าสามารถเข้ามาใช้งาน PhenixBox ได้ง่ายๆ เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มค้าส่งที่ฉีกกฎการขายเดิมๆ ที่ทั้งฟรีค่าแรกเข้า, ค่าธรรมเนียม และค่าโปรโมททางตลาดอีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว PhenixBox ยังมีฟีเจอร์หลักที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครมากถึง 3 ฟีเจอร์ ได้แก่
- รวมกลุ่มคำสั่งซื้อ (Group Purchase) – สามารถรวมออเดอร์หรือคำสั่งซื้อของลูกค้าหลายรายเข้าด้วยกัน โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องการสั่งสินค้าในราคาส่งในจำนวนที่ต้องการเพียงเล็กน้อย ลูกค้าสามารถไปรวมคำสั่งซื้อกับลูกค้าคนอื่นๆ ที่สนใจสินค้าชนิดเดียวกันได้
- แหล่งรวบรวมข้อมูลผู้ขาย (Seller Store) – การสร้างตัวตนหรือแหล่งข้อมูลของธุรกิจค้าส่งบนโลกออนไลน์ เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลผู้ขายเพื่อให้ลูกค้าทราบถึงโปรไฟล์ของธุรกิจ รวมไปถึงสินค้าและบริการได้มากกว่าเดิม สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี
- แคตตาล็อคออนไลน์ (E-Catalog) – รวบรวมสินค้าเข้ามาเป็นรูปเล่มเป็นแคตตาล็อคออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าดูรายละเอียดสินค้าได้สะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะสแกนดูสินค้า หรือทำเป็นไฟล์ PDF เพื่อส่งต่อก็ทำได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว กระตุ้นการขายได้มากกว่าแพลตฟอร์มไหนๆ
ทั้ง 3 ฟีเจอร์นี้เป็นจุดเด่นหลักของ PhenixBox อย่างไรก็ตาม ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ คอยสนับสนุนร้านขายส่งอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นระบบที่ทันสมัยและทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่คอยช่วยเหลือและทำการ Training เตรียมความพร้อมให้กับเจ้าของธุรกิจ
PhenixBox เชื่อมต่อกับ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ศูนย์ค้าส่งรูปแบบใหม่ ใหญ่ที่สุดใจกลางเมือง ครบวงจร แห่งแรกและแห่งเดียวของไทย ตั้งอยู่บนทำเลทอง ใจกลางกรุงเทพฯ เดินทางได้สะดวก ที่รวบรวมสินค้าคุณภาพเอาไว้เพื่อสนับสนุนผู้ค้าส่งรูปแบบ B2B/B2B2C ผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน ช่วยให้ธุรกิจขยายฐานลูกค้าในระดับภูมิภาคไปจนถึงระดับประเทศ ที่มี Solution Service Center (SSC) บริการสนับสนุนผู้ค้าส่งผ่านเครื่องมือสุด Exclusive อาทิ BUSINESS MATCHING AREA, B2B/B2B2C PARKING SPACE, LOADING ZONE, LIVE FEEDING & STUDIO
สุดท้ายนี้ AEC TRADE CENTER ยังมีการจัดแคมเปญ FOOD DESTINATION CENTER แคมเปญค้าส่งอาหารและบริการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน มีการรวบรวมพันธมิตรอุตสาหกรรมอาหารและบริการชั้นนำและจากผู้ผลิตต้นน้ำมาให้ผู้สนใจเกี่ยวกับอาหารและผู้ประกอบหรือผู้ค้าส่งอาหารได้เข้ามาพบปะพูดคุย พร้อมสัมมนาหมุนเวียนให้ความรู้ ทั้งด้านการบริหาร การตลาด การดำเนินการ จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารมากมาย ซึ่งช่วยเชื่อมโยงผู้ซื้อกับผู้ขายมาเจอกันและทำให้ผู้ซื้อพบกับแหล่งซื้อวัตถุดิบอาหารคุณภาพสูงในราคาต้นน้ำ
ผู้ที่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจค้าส่งออนไลน์สามารถ
เปิดหน้าร้านออนไลน์ฟรี…วันนี้ที่ https://aectradecenter-th.com/whyExhibit/#registerexhibit
รวมบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับร้านขายส่ง ที่คนทำร้านขายส่งต้องรู้
- เจาะลึก “ร้านขายส่งราคาถูก” แฟรนไชส์ดังที่ตอบโจทย์ชาวไทย คุ้มหรือไม่ที่จะเริ่มทำ?
- ตามหาร้านขายส่งวัตถุดิบอาหารจากแหล่งไหนดี?
- ร้านขายส่งแบบ Omni Channel ในปัจจุบัน ทำไมถึงตอบโจทย์มากกว่า
- รวมวิธีเปิดร้านขายส่งอย่างไรให้ขายดีในยุคเศรษฐกิจแบบนี้?
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
AEC TRADE CENTER-PANTIP WHOLESALE DESTINATION
💻 Website: https://aectradecenter-th.com/
💻 Website: https://www.phenixbox.com/
👥 Facebook: https://www.facebook.com/aecpantip
📩 Inbox: https://www.facebook.com/messages/t/aectradecenter.th
💬 Line: @aecpantip
📞 : 061-416-6790, 065-950-5986