หนึ่งในความฝันของคนในยุคนี้ คือการเปิดร้านอาหารหรือร้านกาแฟเล็กๆ ซึ่งก็มีหลายคนเริ่มต้นจากการทำ Cloud Kitchen หรือร้านอาหารแบบไม่มีหน้าร้าน จะรองรับการสั่งออเดอร์ผ่านเดลิเวอรี่เท่านั้น จนสามารถพัฒนาไปสู่การมีหน้าร้านจริงๆ ได้ และเพื่อเป็นหนึ่งในความสำเร็จของทุกความฝัน ในบทความนี้จะขอมาแนะนำ 5 วิธีในการเลือกแหล่งขายส่งวัตถุดิบอาหาร ว่าจะต้องอาศัยปัจจัยใดในการเลือกบ้าง เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ และเหมาะสมในการทำธุรกิจ มาหาคำตอบพร้อมกันเลย
1. คุณภาพ
คุณภาพของวัตถุดิบถือเป็นหัวใจหลักเลยก็ว่าได้ เพราะวัตถุดิบคุณภาพดีจะส่งผลถึงรสชาติ รสสัมผัส กลิ่นที่ดีและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค อีกทั้งคุณภาพของวัตถุดิบถือเป็นตัวชูโรงของเมนูอาหารนั้นๆ ได้อีกด้วย เพราะหากวัตถุดิบมาจากแหล่งขายส่งวัตถุดิบอาหารที่มีคุณภาพสูง ย่อมเป็นตัวการันตีได้ว่าวัตถุดิบเหล่านั้นก็จะดีเช่นกัน เพื่อยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนและเห็นได้ชัดเจน “เนื้อวัว” ถือเป็นวัตถุดิบที่มีหลายเกรด จากแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะมาจากประเทศญี่ปุ่น ประเทศอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย โดยแต่ละแหล่งก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน หากนำมาใช้ทำสเต๊กโดยเปรียบเทียบกับเนื้อวัวทั่วไป แม้จะมีการควบคุมส่วนผสมอื่นๆ ให้เหมือนกัน แต่เนื้อวัวคุณภาพดีย่อมมีรสชาติและรสสัมผัสที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นร้านอาหารหลายแห่งจึงยอมลงทุนในวัตถุดิบที่ดีเพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า นอกจากนี้แหล่งวัตถุดิบที่คุณภาพจะต้องมีเอกสารการันตีคุณภาพต่างๆ เช่น BRC, HALAL, HACCP, NON-GMO และ GMP เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจอีกด้วย โดยในช่วงแรกขอแนะนำให้ลองซื้อวัตถุดิบจากแหล่งขายส่งวัตถุดิบอาหารมาจำนวนเล็กน้อยก่อนและลองนำมาประกอบอาหารดู เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพและตัดสินได้ง่ายว่าจะเลือกซื้อจากแหล่งไหน
Tips: บทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ร้านขายส่งอาหารที่มีคุณภาพ
- ตามหาร้านขายส่งวัตถุดิบอาหารจากแหล่งไหนดี? เพื่อวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมและบริการอย่างครบครัน
- 5 ตลาดขายส่งอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบอาหาร!
2. ความหลากหลายของวัตถุดิบ
แหล่งขายส่งอาหารที่มีความหลากหลายของวัตถุดิบมากย่อมได้เปรียบมากกว่าแหล่งที่มีน้อย สามารถเปรียบเทียบวัตถุดิบได้ทั้งจากแหล่งที่มา คุณภาพ หรือเกรดได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปหลากหลายพื้นที่ เพราะเมื่อเจ้าของธุรกิจร้านอาหารต้องเสียเวลาในการเดินทางไปยังแหล่งขายส่งวัตถุดิบอาหารต่างๆ เพื่อตามหาวัตถุดิบนั้นๆ จะเป็นการเพิ่มต้นทุนทั้งด้านเวลาและราคา ดังนั้นแหล่งซื้อวัตถุดิบอาหารไหนที่มีวัตถุดิบอาหารหลากหลายและเป็นที่ต้องการจำนวนมาก มีคุณภาพที่ดี จะยิ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนในการสั่งซื้อได้ อีกทั้งยังทำให้สามารถต่อรองราคาที่ถูกลงได้อีกด้วย
3. การจัดส่ง
การเลือกใช้การจัดส่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพนั้น ส่งผลต่อต้นทุนราคาของร้านอาหารและความสดใหม่ของวัตถุดิบ ยิ่งมาจากแหล่งขายส่งอาหารที่มีมาตรฐานการขนส่งที่มีคุณภาพ ก็จะส่งผลให้วัตถุดิบยังคงความสดใหม่ได้มากกว่า ซึ่งเมื่อนำวัตถุดิบนั้นไปประกอบเมนูอาหารก็จะได้อาหารที่มีรสชาติดีกว่า นอกจากเหตุผลเรื่องการขนส่งแล้ว อีกเหตุผลที่ต้องนำประกอบด้วยคือ บรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน สามารถคงความสดใหม่ของวัตถุดิบได้ รวมไปถึงการใช้รถขนส่งที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม หรือเลือกบริการขนส่งที่น่าเชื่อถือ จะเป็นผลดีต่อคุณภาพอาหารและภาพรวมของธุรกิจนั่นเอง
4. ราคา
อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นคือ “ราคา” เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้ในระยะยาว ซึ่งหากพบเจอแหล่งซื้อวัตถุดิบอาหารที่มีราคาต่ำกว่าทั่วไป ย่อมทำให้สร้างกำไรได้มากขึ้นหรืออาจใช้เป็นจุดดึงดูดให้ลูกค้าทั่วไปเข้ามาใช้บริการร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม การตามหาแหล่งซื้อวัตถุดิบอาหารที่ราคาย่อมเยาจำเป็นจะต้องดูหลายองค์ประกอบหลายอย่างร่วมกันด้วย เพราะหากสนใจแต่ด้านราคาเพียงเท่านั้น อาจทำให้คุณภาพของวัตถุดิบไม่ได้ตามที่คาดหวังหรืออาจไปเพิ่มต้นทุนในด้านอื่นๆ อย่างราคาจัดส่งหรือกระบวนการดูแลวัตถุดิบอื่นๆ ได้
5. บริการที่ดี
บริการที่ดีจากร้านขายส่งอาหารนับเป็นอีกเรื่องที่ต้องนำมาพิจารณาให้ครบถ้วน โดยคำว่าบริการที่ดีไม่ได้หมายถึงแค่การติดต่อกับร้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริการต่างๆ ที่ร้านขายส่งอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจได้ สามารถที่จะให้คำปรึกษาที่เหมาะสมหรือให้คำแนะนำได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับวัตถุดิบแต่ละชนิด รวมถึงควรมีบริการหลังการขาย เช่น หากวัตถุดิบที่ส่งมาเกิดปัญหา เสียหาย เน่าเสีย ก็จะมีบริการเปลี่ยนสินค้าได้ หรือการรับประกันสินค้าก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม
จากทั้ง 5 วิธีในการเลือกแหล่งขายส่งวัตถุดิบอาหารที่แนะนำไปเบื้องต้น คงทำให้ผู้ประกอบการหลายคนเข้าใจมากขึ้น สำหรับผู้ที่อยากจะเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารต่างๆ และต้องการเข้าถึงแหล่งขายส่งวัตถุดิบและบริการหรือมองหาแหล่งขายส่งวัตถุดิบชั้นนำ สามารถเดินทางมาที่งาน BEYOND EXHIBITION – FOOD DESTINATION CENTER ซึ่งเป็นงานค้าส่งด้านอาหารและบริการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน ตั้งอยู่ที่ AEC TRADE CENTER-PANTIP WHOLESALE DESTINATION งานนี้นับเป็นแคมเปญแรกที่ผู้ประกอบการสามารถพบกับพันธมิตรทางธุรกิจอาหารชั้นนำของประเทศ และอีกทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยเชื่อมโยงผู้ซื้อกับผู้ขายมาเจอกันและ ทำให้ผู้ซื้อพบกับแหล่งซื้อวัตถุดิบอาหารคุณภาพสูงและราคาต้นน้ำอย่างที่ต้องการได้ พร้อมด้วย Solution Service Center เครื่องมือสุด Exclusive ที่เป็นพื้นที่สนับสนุนทางธุรกิจที่ช่วยให้พบกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจได้ นอกจากนี้ยังมีครัวสาธิตที่เปิดโอกาสให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถมาใช้บริการหรือลองวัตถุดิบได้ผ่านกิจกรรมภายในงาน อีกทั้งยังมีเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นค้าส่ง PhenixBox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการค้าส่งออนไลน์ ครั้งแรกของประเทศไทยและภูมิภาค ในรูปแบบ Omni Channel ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ในการติดต่อสื่อสารและเชื่อมโยงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์นี้ ช่วยสร้างโอกาสการขายสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ซื้อยุคใหม่ที่สามารถมองหาสินค้าที่ดีได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
Tips: บทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การเริ่มต้นธุรกิจขายส่งอาหาร
- ธุรกิจขายส่งอาหาร แตกต่างจากธุรกิจขายส่งอื่นๆ อย่างไร
- เริ่มต้นธุรกิจค้าส่งอาหารอย่างไรดี? ถึงดำเนินธุรกิจได้ราบรื่น
- เจาะลึกแนวโน้มธุรกิจค้าส่งอาหารยุคหลังโควิด-19
- 5 ปัจจัยควรคำนึง ก่อนเริ่มต้นธุรกิจขายส่งอาหารแบบออนไลน์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
AEC TRADE CENTER-PANTIP WHOLESALE DESTINATION
💻 Website: https://aectradecenter-th.com/
💻 Website: https://www.phenixbox.com/
👥 Facebook: https://www.facebook.com/aecpantip
📩 Inbox: https://www.facebook.com/messages/t/aectradecenter.th
💬 Line: @aecpantip
📞 : 061-416-6790, 065-950-5986