ท่ามกลางยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว การส่งต่อข้อมูลต่างๆ การติดต่อสนทนา หรือแม้แต่การค้าขายล้วนสามารถทำได้อย่างทันท่วงที ในด้านของการทำธุรกิจค้าส่ง ซึ่งเดิมทีเป็นการค้าระหว่างผู้ค้ากับหน่วยงานธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ (B2B) เช่น ระหว่างผู้ค้าส่งกับร้านขายปลีก หรือ ผู้ค้าส่งกับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งอาจไม่สามารถตอบโจทย์การแข่งขันในตลาดได้อีกต่อไป ดังนั้นการเพิ่มช่องทาง B2B2C อาจเป็นโมเดลธุรกิจที่สนองต่อธุรกิจค้าส่งอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
อุปสรรคของธุรกิจค้าส่งแบบ B2B ในปัจจุบัน
การทำธุรกิจแบบ B2B ในตลาดค้าส่งอาจเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของนักลงทุนหลายคน เนื่องจากสามารถสร้างกำไรในการซื้อ-ขายได้มากกว่า สามารถขายสินค้าได้ในปริมาณมากๆ และไม่จำเป็นต้องลงทุนทำการตลาดเหมือนกับ B2C มากนัก แต่ในปัจจุบัน ธุรกิจประเภทนี้ก็มาพร้อมกับอุปสรรคมากมาย เช่น
- การแทรกแซงของนายหน้า – บางครั้งธุรกิจค้าส่งที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่ๆ อาจต้องพึ่งพานายหน้าหรือพ่อค้าคนกลางในการติดต่อธุรกิจอื่นๆ ซึ่งจะมีการหักค่าคอมมิชชั่นและค่าดำเนินการต่างๆ ทำให้ได้กำไรน้อยกว่าที่วางแผนไว้
- ธุรกิจค้าปลีกมีการผูกขาดโดยเจ้าใหญ่ในตลาด – โดยส่วนใหญ่ ธุรกิจค้าปลีก (Retailer) มักจะมีการผูกขาดค้าขายกับผู้ค้าส่งเจ้าใหญ่ๆหรือเจ้าประจำอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ผู้ทำธุรกิจค้าส่งหน้าใหม่ไม่สามารถเข้าไปทำข้อตกลงธุรกิจของตนเองได้ ท้ายที่สุดจึงต้องกลับไปพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง
- การขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซ – ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซนั้นมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการลดต้นทุนก็มักจะมองหาเว็บไซต์จากต่างประเทศ เช่น จีน ที่จำหน่ายสินค้าในราคาส่งที่ถูกกว่ามาก ส่งผลให้ธุรกิจค้าส่งในประเทศไทยกำลังขาดรายได้ในส่วนนี้ไป
ทั้ง 3 ข้อก็เป็นเพียงอุปสรรคเบื้องต้นของธุรกิจค้าส่งเท่านั้น ซึ่งผู้ประกอบการบางรายอาจพบเจอกับปัญหาอื่นๆ แตกต่างกันไปในแต่ละอุตสาหกรรม
โมเดลธุรกิจ B2B2C ช่วยธุรกิจค้าส่งอย่างไร?
เมื่อโมเดล B2B ส่งผลให้ธุรกิจค้าส่งไม่สามารถเติบโตได้อย่างที่ควร แล้วการเพิ่ม B2B2C สามารถช่วยได้อย่างไร? มาทำความรู้จักกับโมเดลธุรกิจนี้กันเลย
B2B2C หรือ Business-to-Business-to-Consumer คือการที่ธุรกิจขายสินค้าและบริการให้กับทั้งผู้บริโภคและธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ค้าส่งขายสินค้าให้กับร้านค้าปลีกผ่านการตกลงร่วมมือ (Partnership) ต่อมาร้านค้าปลีกก็นำสินค้าที่ซื้อมาไปขายต่อให้กับลูกค้าหรือผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อธุรกิจและลูกค้าเข้าด้วยกันทั้งหมด
โมเดลธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้ร้านค้าส่งสามารถทำกำไรจากการขายให้กับภาคธุรกิจ และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าที่มาจากธุรกิจค้าปลีกได้สามารถปรับเปลี่ยนสินค้าหรือบริการให้ตรงกับความต้องการได้มากขึ้น เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและกระตุ้นการเติบโตได้มากขึ้น นอกจากนี้ B2B2C นั้นต่างจากการขายสินค้าแบบไวท์เลเบล (White Label) หรือการจำหน่ายสินค้าที่ไม่มีชื่อแบรนด์ เพราะลูกค้าจะทราบได้ว่าสินค้าที่ซื้อนั้นมีต้นทางมาจากธุรกิจไหน และยังมีโอกาสที่ลูกค้าจะเข้ามาหาผู้ค้าส่งโดยตรงอีกด้วย
เห็นได้ว่าการเพิ่มโมเดล B2B2C เข้ามาสู่ธุรกิจนั้น สามารถช่วยกระตุ้นการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ แข่งขันในตลาดภายในประเทศและเปิดโอกาสขยายตัวไปสู่ระดับนานาชาติได้ โดยผู้ค้าส่งสามารถเริ่มนำโมเดลนี้เข้ามาปรับใช้ได้ ดังนี้
ผู้ค้าส่งสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจเป็น B2B2C ได้อย่างไร?
1.ค้นหาตัวแทนจำหน่าย/ผู้ค้าปลีกที่น่าเชื่อถือ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าโมเดลธุรกิจ B2B2C เป็นการขายให้กับธุรกิจรายย่อย เพื่อให้ธุรกิจนั้นๆ นำไปขายต่อให้ลูกค้าอีกทอด ดังนั้นผู้ค้าส่งควรเริ่มจากการหาตัวแทนจำหน่ายที่สามารถเชื่อถือได้และมีความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ก่อนจะทำข้อตกลงหรือเซ็นสัญญาใดๆ ก็ตาม เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น
2.ค้นหาทำเลที่ตั้งที่เดินทางสะดวก
เมื่อลูกค้าทราบว่าสินค้าที่ซื้อนั้นมาจากไหน เป็นของแบรนด์อะไร ก็มีโอกาสสูงขึ้นที่ลูกค้าอยากจะติดต่อหาธุรกิจนั้นๆ ที่หน้าร้านโดยตรง อาจเป็นเพราะต้องการซื้อสินค้าในราคาส่งหรืออยากรู้จักแบรนด์มากขึ้น การมีหน้าร้านที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ลูกค้าสามารถเดินทางมาอย่างสะดวก จะได้เปรียบอย่างมาก เพราะลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกดูสินค้าและตัดสินใจซื้อหรือทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น
3.เชื่อมต่อธุรกิจกับแพลตฟอร์มออนไลน์
แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น จะเป็นตัวกลางในการรวบรวมทั้งธุรกิจและลูกค้าเข้ามาไว้ที่เดียวกันได้ ผู้ค้าส่งมีโอกาสที่จะโปรโมทสินค้าและบริการไปยังกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมากขึ้น ตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภค ส่วนลูกค้าเองก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้าที่ต้องการจากหลายธุรกิจได้ในที่เดียว
ซึ่งแพลตฟอร์มค้าส่ง B2B/B2B2C ที่เชื่อมต่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ (Seamless O2O) ที่เราอยากแนะนำคือแพลตฟอร์มค้าส่ง PhenixBox (ฟินิกซ์บอกซ์) คือเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นค้าส่งแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ในรูปแบบ B2B/B2B2C Omni Channel Platform ศูนย์ค้าส่ง AEC TRADE CENTER ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนมีช่องทางการขายออนไลน์ในรูปแบบค้าส่ง เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลายล้านคน โดยไม่มีข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ สะดวก ปลอดภัยกว่า และซื้อ-ขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มและสมัครใช้งานได้ที่เว็บไซต์ www.phenixbox.com หรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นผ่าน AppStore และ Google Play Store
AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION พร้อมสนับสนุนธุรกิจค้าส่งรูปแบบ B2B/B2B2C
ผู้ประกอบการและผู้ค้าส่งที่กำลังวางแผนนำโมเดล B2B2C เข้ามาใช้กับธุรกิจ แต่ยังกังวลว่าจะไปรอดหรือไม่ สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ศูนย์ค้าส่งรูปแบบใหม่ ครบวงจร ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ในทำเลที่เดินทางสะดวก แห่งแรกและแห่งเดียวของไทยที่รวมสินค้าคุณภาพเข้ามาไว้เพื่อสนับสนุนผู้ค้าส่ง ด้วย Solution Service Center ที่มีเครื่องมือสุด Exclusive ช่วยส่งเสริมและรองรับกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆให้กับกลุ่มผู้ค้าส่ง เช่น Business Matching Area, Live Feeding & Studio, B2B/B2B2C Car Park, Loading Zone และอีกมากมาย ผนวกกับแพลตฟอร์มค้าส่ง PhenixBox ร่วมช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจ ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันกับตลาดในประเทศและตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้
ผู้ที่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจค้าส่งออนไลน์สามารถเปิดหน้าร้านออนไลน์ฟรี…วันนี้ที่ https://aectradecenter-th.com/whyExhibit/#registerexhibit
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
AEC TRADE CENTER-PANTIP WHOLESALE DESTINATION
💻 Website: https://aectradecenter-th.com/
💻 Website: https://www.phenixbox.com/
👥 Facebook: https://www.facebook.com/aecpantip
📩 Inbox: https://www.facebook.com/messages/t/aectradecenter.th
💬 Line: @aecpantip
📞 : 061-416-6790, 065-950-5986